@บริโภค@

บริโภคโลกของทุน
มันผันหมุนเหมือนกงจักร
โฆษณาท้นทะลัก
… หน่วงหนักหน่วงทุนช่วงชิง

ต้านกระแสแม้เหนื่อยยาก
ยอมลำบากไม่อยากนิ่ง
ใครช่วงใครแย่งชิง
ต้องติงต้านทานกระแส

วัตถุเจริญไกล
หากจิตใจยังเชือนแช
ต่ำตกตกต่ำแน่
มัวแต่เมาเอาบริโภค

รู้เท่าทันในสื่อ
ที่กระพือพัดโหมโบก
โลภาในหล้าโลก
ชิงโชคช่วงเข้าลวงเมือง

บริโภคโลกของทุน
ที่มันหนุนที่มันเนื่อง
ฝ่อแฟบหรือฟูเฟื่อง
เป็นเรื่องที่ต้องรู้ทัน

น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล
๒๓๑๒๕๕ ๖๔๕

ล้ำรสเปรมเแน่แท้………..โภชน์เอม

เอมโภชน์แท้แน่เปรม…….รสล้ำ

กินสิลิ้นอร่อยย้ำเกษม…….กระเอิบ

อิ่มเอย เอยอิ่มกระเอิบเกษมย้ำ……อร่อยลิ้นสิกิน

น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล ๒๑๑๑๕๕ ๘๓๓

ดูเพิ่มเติม

@สันติภาพ@

ยามรบราต่อสู้………..สงคราม

สันติภาพไต่ถาม………สงบนั้น กระสุ…

นปลิดติดตาม……เสียงลั่น
เปรี้ยงนา คราวอยู่ชนะครั้น……….คิดแค้นถึงใคร
สมรภูมิการต่อสู้
หรือมีอยู่ยุติธรรม์
ยามรบราฆ่าฟัน
สงบนั้นอยู่หนใด
ชนะหรือแพ้แก่ศึก
สำนึกสิ่งนั้นสิ่งไหน
ตำนานจารตามนามใคร
สลักไว้ว่าชื่อระบือนาน
ในความเงียบสงบสงัดนั้น
แผ่นหินมันแม้ไม่ไขขาน
เนาแน่นิ่งเลือดเนื้อเมื่อวาน
นานเนิ่นนานในนามสงคราม
น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล
๑๕๑๑๕๕ ๒๑๓๒

ดูเพิ่มเติม

(โคลงสี่สุภาพ)

๏ ลาเวนเดอร์พรั่งพร้อม…….สะพรึบงาม

เหลียวลดแลติดตาม……แต่งไม้

สวยสดจรดฟ้าคราม……..ฟ้าขอบ …

มอบผกามาให้…………..ห่างเวิ้งว้างฝัน ฯ
น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล ๓๑๑๐๕๕ ๒๐๓๘

(โคลงสี่สุภาพ)

๏ ลาเวนเดอร์พรั่งพร้อม…….สะพรึบงาม

เหลียวลดแลติดตาม……แต่งไม้

สวยสดจรดฟ้าคราม……..ฟ้าขอบ …

มอบผกามาให้…………..ห่างเวิ้งว้างฝัน ฯ
น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล ๓๑๑๐๕๕ ๒๐๓๘
ฉันมาจากดาวอื่น
ฤๅจะรู้เรื่องวันคืนของชาวโลก
ฉันไม่รู้อยู่ที่นี่มีลมโบก ที่กระโช…

กกำชับให้ซับซาบ
ฉันแปลกแยกแตกต่างช่างอดสู
ชาวโลกรู้เรื่องดีเรื่องชั่วบาป
ฉันเห็นโลกสุขทุกข์ทุกวูบวาบ
มีน้ำอาบไฟอุ่นมีจุนเจือ
ไม่รู้ว่าโลกนี้มีสีสัน
ไม่รู้ว่าความฝันบรรเจิดเหลือ
ไม่รู้ว่ามีผู้รู้อีกเป็นเบือ
ไม่รู้ว่ามีเรือและเรือบิน
ไม่รู้ว่าที่นี่มีเหนือใต้
ไม่รู้ว่าที่ใดมีโขดหิน
ไม่รู้ว่ามีหญ้าอยู่ผืนดิน
ไม่รู้อะไรทั้งสิ้นในโลกคน
ไม่เคยรู้มนุษย์สุดประเสริฐ
ไม่เคยรู้มีใหม่เกิดมีเก่าก่น
ไม่เคยรู้มีเจ็บตายมีทุกข์ทน
ไม่เคยรู้หลายคนยังสุขดี
ฉันไม่รู้ว่าฉันนั้นไม่รู้
หมดใจอยู่อย่างโลกสุขโศกนี่
ฉันไม่รู้ว่าฉันนั้นไม่มี ทั้งหมดนี้
ฉันไม่คือหรือไม่เเป็น……
น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล
๒๑ ๑๐ ๕๕ ๑๒๐๔

ดูเพิ่มเติม

@กรรม@

โลกหมุนวนอีกนั้น…………..ผันไป

ฝันใฝ่หลืบหลบไศล……….ไป่รั้ง

วกเวียนเปลี่ยนแปลงใจ…..ใดเปลี่ยน

เคลื่อนไป่ไม่หยุดยั้ง……….นั่งน้อมโลกา
น้อมโลกาว่าไว้……………..ให้วาง
โลกุตรก็ผุดผาง…………….ผ่องแผ้ว
ไยวกตกหลุมพราง…………อย่างโลกย์
สุขโศกฤๅใสแก้ว…………..เวี่ยไว้กำเกวียน
น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล
๑๘ ๑๐ ๕๕ ๑๕๓๓

ดูเพิ่มเติม

@เปื้อนเลือด@

ชักกระบี่จากฝักจักให้ฟัน

ฤๅเจ้านั้นจิตน้อยพลอยใจจืด

คมระคายหมายปลิดชีวิตมืด …

เงื้อแล้วแทงที่เนื้อยืดยาวแผลรอย
ข้าผิดใดไยเจ้าจึงลงมีด
เถือเนื้อกรีดกราดเกรี้ยวเสียวใช่ย่อย
หากสำเหนียกสำนึกดีกว่านี้หน่อย
จะมิเผลอปากพล่อยปล่อยวาจา
หากฉันทำสิ่งใดให้เธอโกรธ
ขอเธอโปรดอภัยให้เถิดหนา
ให้โลหิตหลั่งไหลอาบไปกราบขมา
ให้หมดเวรหมดเวราว่าตัดกรรม
น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล ๑๘ ๑๐ ๕๕ ๐๙๒๗

@คืนเดือนมืด@

๏ ยึด ยื้อยั้ง ยังอยาก ยากเพราะรัก

มั่น พบพักตร์ เพ็ญดวง ห่วงหวั…่นไหว

ถือ แรมทุกข์ สุขหว่าง ข้างขึ้นใด

มั่น เพียงไร ว่าแขเด่น เห็นชั่วกัลป์

ค่ำนี้ไซร้ ไร้เสี้ยวอินทุ์ จินต์อ้างว้าง

เห็นเพียงดาว พราวพร่าง ช่างไหวหวั่น

ยื้อรักยาก อยากรื้อ ราร้างกัน

จิตใจฉัน รำพึง ถึงแต่นวล

ฝนเพิ่งซา ฟ้ามืด มิดหม่นหมอก

เพียรพร่ำบอก บุหลัน โปรดหันหวน

อย่าปล่อยให้ ใจเรียม ระอาครวญ

จิตปั่นป่วน เปลี่ยวเปล่า แสนเหงาใจ

รอแสงโสม โพยมใหญ่ ให้หงอยเหงา

ร้างจางจวง จันทร์เจ้า เฝ้าฝันใฝ่

ครวญคำเก่า เราก่อน รอนก่นไกล

ฝากลมไว้ เว้าวอน ตอนคืนเพ็ญ ฯ

๏ ยิ่งเย็นย่ำ ร่ำร้าว หนาวหนักอก

คิดเวียนวก วุ่นวาย หน่ายทุกข์เข็ญ

ขออุ่นไอ ไขแข แม่เนื้อเย็น

แต่มิเป็น ดั่งหวัง ต้องนั่งครวญ

ลมหนาวโชย โบยบอก ออกปลายฝน

หนาวเนื้อทน ทุกข์นั้น จิตปั่นป่วน

ห่มตรมตรอม ร่อมร่อ รอเนื้อนวล

ลาลับล้วน ลิบลิ่ว และเดียวดาย

หนาวกายลึก ตรึกตรอง ยังหมองหม่น

หนาวใจล้น จิตแล้ว ดวงแก้วหาย

หนาวเหน็บเจ็บ เก็บไว้ ในใจกาย

จันทร์เจ้าฉาย ไยประวิง นิ่งนึกแนบ ๚ะ๛

น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล

๑๖ ๑๐ ๕๕ ๒๓๐๔

ดูเพิ่มเติม

เมื่อฝนซาฟ้าสวยด้วยฟ้าใส……………..อาทิตย์ให้ อายกรุ่นอุ่นใจเหลือ
หมดร้างร้าวหนาวไหนไม่เหลือเฟือ……ฤๅหลงเผื่อเพื่อหนาวอีกคราวครา
ฤดูกาลผ่านแล้วก็ผ่านพ้น………………..ดุจใจคน ผันเปลี่ยนวนเวียนหา
พายุย่อมพร้อมสงบแล้วหลบลา………..อีกกี่ฟ้ากี่ฝนอดทนกัน
ธรรมชาติวาดไว้ดั่งใจนึก…………………ตริตรองตรึกต้องต่อต้องตามฝัน …

ฟากฝนฟ้าพร่าพร่าง อย่างใดนั้น……….ฝืนฝ่าฟันฟื้นฝอยแล้วค่อยจาง
พิรุณสายพระพายโปรย โรยทั่วพื้น…….มิอาจคืนสู่ฟ้าคราหมองหมาง
แม้ฝันเลือนเหมือนลาแล้วพร่าราง…….ได้แต่วางไว้ที่ ฤดีเดิม
……………..น้ำนิ่ง ตลิ่งไหล
:Ogasp.ฝนพร่างพราวหนาวพรั่งพรูอยู่โดดเดี่ยว
เหลือบแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าปลอดคึดฮอดหลาย
ลมละลิวผ่านผิวผ้าทาผิวกาย
เศร้ามิคลายพระพายพัดเข้ารัดทรวง:'(./คนริมคลอง